จุดเด่นของบริษัทอีกอย่างหนึ่งคือ ลูกค้าจะสามารถเห็นสินค้าทุกตัว เห็นไอเดียในการใช้งานของโคมไฟในรูปแบบต่างกว่า เมื่อนำไปติดตั้งที่จะเหมาะหรือไม่อย่างไร
"ของเดิมลูกค้าจะนึกไม่ออก หากนำไปติดที่บ้านแล้วจะเป็นอย่างไร แต่ที่เราออกแบบเป็นห้อง ๆ ให้ดูความแตกต่าง หรือถ้ายังไม่พอใจ มีมัณฑนากรคอยให้คำแนะนำด้วย และอนาคตจะมี คอมพิวเตอร์มาช่วยออกแบบ เรียกได้ว่าเป็นโชว์รูมที่ใหญ่ที่สุด ทันสมัยที่สุดในเวลาก็ได้ สำหรับสินค้าที่ส่วนเล็ก ๆ คือโคมไฟที่ใช้ประดับตกแต่ง และความสว่างในบ้าน"
แผนการลงทุน กับทำเลนี้ที่พุทธมณฑล สาย 5 ซึ่งเดิมเป็นเอาท์เลท และโกดังเก็บสินค้า ปัจจุบันได้พัฒนามาเป็นโชว์รูม 2 ชั้น มีพื้นที่ทั้งหมด 2,000 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนรวมที่ดินประมาณ 60 ล้าน เปิดบริการตั้งแต่ 09.00 น- 18.00 น.ทุกวัน โดยปีนี้แม้เศรษฐกิจไม่ดี แต่ก็คิดว่ากำลังซื้อยังมี เพราะปัจจุบันยังมีการเติบโตอยางต่อเนื่องของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการระดับไฮเอ็นด์ บริษัทคาดว่ายอดขายของโชว์รูมที่พูทธมณทล สาย 5 จะอยู่ในราว 80 ล้าน ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ไม่มีปัญหา เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบี บีบวก ขึ้นไปที่ค่อนข้างมีกำลังซื้อ
"พฤติกรรมผู้บริโภค เป็นสาเหตุหลัก ปัจจุบัน มุมมองเกี่ยวกับโคมไฟของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ไม่ได้มองแค่ให้แสงสว่าง แต่มองโคมไฟเป็นสินค้าแฟชั่น ที่ต้องมีดีไซน์เชื่อมกับแฟชั่นอื่นๆ เมื่อเป็นแฟชั่น สินค้านี้จะหมุนเร็ว ดีไซน์จะเปลี่ยนเร็ว เปลี่ยนไปตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคและเทรนด์แฟชั่นโลก เพราะฉะนั้นถ้าทำธุรกิจแบบเดิมจะไม่ทันและสนองความต้องการ แต่ถ้าทำเป็นโชว์รูมที่มีการจัดการที่ดี โอกาสในการขายก็จะดี เรามั่นใจเช่นนั้น" คุณพิศิษฎ์ กล่าวทิ้งท้าย
|